วิธีหุ้งข้าวไม่ติดก้นหม้อ

เข้าชม 7,341 ครั้ง / 17 ก.ค. 60

วิธีหุ้งข้าวไม่ติดก้นหม้อ

ข้าวไม่ติดก้นหม้อได้อย่างไร

ถ้าไม่ใช่หม้อเทฟลอน ก็สามารถทำได้ ปัญหาหนึ่งที่สร้างความยุ่งยากให้แม่บ้านเป็นประจำคือข้าวติดก้นหม้อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งแม่บ้านที่ใช้หม้อหุงข้าวไฟฟ้าที่ไม่ได้เคลือบเทฟลอน จะไม่สามารถล้างทำความสะอาดได้ทันทีหลังจากทานอาหารเสร็จ ต้องแช่น้ำทิ้งไว้ข้ามคืน แม่บ้านบางรายแก้ปัญหาด้วยการซื้อหม้อหุงข้าวแบบใหม่ที่ทันสมัยแต่สำหรับแม่บ้านที่ต้องทนใช้หม้อหุงข้าวไฟฟ้าแบบธรรมดา และไม่อยากเผชิญกับปัญหาข้าวติดก้นหม้อ แก้ไขได้ไม่ยาก เพียงแต่ทันทีที่ดึงปลั๊กไฟฟ้าออกให้หม้อจมลงไปสัก 1 นิ้ว ทิ้งไว้ประมาณ 2-3 นาที เพียงเท่านี้ก็สามารถตักเสริฟได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องข้าวติดก้นหม้ออีกต่อไป เหมือนมีหม้อเคลือบเทฟลอนประจำบ้าน

หลักการง่ายๆ ที่ช่วยแก้ไขปัญหาข้าวติดก้นหม้อนี้ได้จากความเข้าใจในเรื่องการเปลี่ยนแปลงคุณสมบัติของแป้งเมื่อได้รับความร้อนและสูญเสียความร้อนอธิบายด้วยหลักการง่ายๆ ได้ดังนี้แป้งเมื่อได้รับความร้อนและมีน้ำมากเกินพอก็พองตัวเกิดเป็นเจล มีความหนืดสูงเรียกว่าการเกิด เจลาติไนเซซั่น (Gelatinization) แต่เมื่อถูกทำให้เย็นตัวลงแป้งจะเกิดการเรียงตัวใหม่กลับเป็นผนึกและดันเอาน้ำออกจากโครงสร้าง เราเรียกกระบวนการนี้ว่า การเกิดรีโทรกาเดชั่น (Retrogradation) โดยเฉพาะอย่างยิ่งหม้อชั้นในที่ทำจากอลูมิเนียมจะถ่ายเทความร้อนได้ดี ทำให้สามารถเกิด รีโทรกาเดชั่นได้เร็วยิ่งขึ้นด้วยเหตุนี้น้ำที่ถูกดันออกมาจากโครงสร้างแป้งจะเป็นตัวกั้นระหว่างข้าวกับก้นหม้อ เพียงเท่านี้คุณแม่บ้านก็สามารถประหยัดเงินโดยไม่ต้องซื้อหม้อหุงข้าวใหม่และไม่ต้องเผชิญปัญหาข้าวติดก้นหม้ออีกต่อไป

ที่มา บทความ : www. rakbankerd.com

ภาพประกอบ : sc.upyim.com


หุงข้าวสวยด้วยไมโครเวฟ

สำหรับคนที่ไม่มีหม้อหุงข้าว หรือเวลาไปทริปต่างประเทศนานๆ นึกอยากทานข้าวแต่ไม่มีหม้อหุงข้าว โรงแรมหรืออพาร์ทเมนต์บางแห่งก็มีไมโครเวฟไว้บริการลูกค้า เราสามารถใช้ไมโครเวฟหุงข้าวแก้ขัดได้นะคะ วิธีก็คือตวงข้าวก่อน ซาวข้าวล้างน้ำซัก 1-2 น้ำ ใช้ข้าวอะไรก็ได้แต่ถ้าเป็นข้าวหอมมะลิใหม่ก็จะนุ่มอร่อยมาก จากนั้นก็เติมน้ำลงไป อัตราส่วน ข้าว 1 ส่วนต่อน้ำ 1.5 ส่วน เอาไปใส่ไมโครเวฟ ตั้งไฟแรงสุด ใช้เวลา 20 นาที ถ้าชอบข้าวแข็งๆ หรือจะเอาไปทำข้าวผัดก็ใช้เวลาประมาณ 15 นาที แค่นี้ก็มีข้าวสวยไว้ทานให้หายคิดถึงบ้านกันแล้วค่ะ

ที่มา บทความ : www. Maanow.com

LINE@